วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ใกล้ถึงวันกลับ


ต้องขอโทษด้วยนะขร๊ะที่เมื่อวานไม่ได้นำเรื่องดีๆมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง เนื่องจากเมื่อคืนพวกเราซ้อมรำกันเพลินไปหน่อย ^^">>>พวกเราได้รับเกียรติ์ให้แสดงในงานเลี้ยงส่ง ตอนนี้พวกเราตั้งใจซ้อมกันเป็นอย่างมาก...นี่ก็เหลือเวลาอีกสองวันในการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น คิดๆแล้วก็ใจหายเหมือนกันนะเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน การเป็นอยู่ที่นี่ค่อนข้างจะสะดวกสบายในทุกๆด้าน ตั้งแต่เรื่องห้องพัก ที่ให้พักเพียงห้องละหนึ่งคนพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกอีกครบครัน มีรถบัสคอยบริการสำหรับคนที่ต้องการไปห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟ นอกจากนั้นยังมีจักรยานให้เราสามารถยืมเพื่อไปยังสถานที่ต่างๆได้อีกด้วย...ที่เซ็นเตอร์นี้ ทุกๆคนดูแลพวกเราเป็นอย่างดี มีห้องคาราโอเกะให้พวกเราไว้ผ่อนคลาย(พวกเราใช้บริการบ่อยมาก)เป็นที่พบปะของพวกเรา สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็ครบครัน เช่น ห้องซักรีด(มีทุกชั้นเลขขี้) ห้องครัวเล็ก(มีทุกชั้นเลขคู่ ไม่สามารถประกอบอาหารได้) ห้องครัวใหญ่(สามารถประกอบอาหารได้) ห้องฟิตเนส ห้องสมุด ห้องศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเอง(มีบริการอินเตอร์เน็ต) และอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่า สถานที่เดียวให้เราได้ครบทุกอย่างทั้งความรู้ ความสนุกสนาน ... รู้สึกว่าเวลาที่นี่ผ่านไปเร็วมาก ยังไม่อยากกลับเลย =_=" ดีจัยมากที่ได้มาที่นี่ ได้ความรู้มากจริงๆขร๊ะ ขอบคุณอาจารย์โมริ และ อาจารย์อากิเป็นอย่างสูงที่ทำให้พวกหนูได้รับประสบการณ์ดีๆแบบนี้ขร๊ะ /// ヌン

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เจอเพื่อนเก่า

วันศุกร์ที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวที่ฮิโรชิม่ามาด้วย ไปสองวันหนึ่งคืน ได้นั่งชิงคังเซ็นด้วย ตื่นเต้นมากๆเลย เพราะเชื่อได้ว่าคนที่ได้มาเที่ยวญี่ปุ่นก็คงต้องหวังเล็กๆว่าจะมีโอกาศได้ขึ้นนั่งมัน พอไปถึงที่แรกที่ได้ไปก็ไปดูโรงงานขยะ แต่ที่นี่โรงงานเค้าสวยมากๆเลย เหมือนตึกบริษัทใหญ่มาก สวยสะอาดมาก มีวิธีการจัดการขยะอย่างเป็นระบบมากๆ ตอนเย็นเป็นช่วงเวลาที่อยากให้ถึงมากที่สุด เพราะจะได้เจอกับ อายานะและชิฮิโร่ เพื่อนที่ได้เคยไปอยู่ที่มหาลัยเรา หนึ่งเดือน พอเจอกันก็กอดกันใหญ่ และก็ไปกินข้าว และถ่ายรูปด้วยกัน ตอนนี้รู้สึกดีมากเพราะคิดว่าตัวเองเริ่มฟังภาษาที่สองคนนี้พูดและรู้เรื่องต่างจากตอนแรกที่พวกเค้าไปไทยที่ฟังไม่ค่อยออก ตอนนี้ก็ออกเยอะมากขึ้น แต่เมื่อมีเวลาของความสุขก็ต้องมีการจากลา ก่อนอายานะจะกลับก็กอดกันใหญ่ หวานร้องไห้ด้วย หยกกับนุ่นก็เลยร้องตาม เพราะก็ไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะได้มีโอกาศได้พบกันอีก มันเป็นเวลาที่ยาวนานเกินไป คิดถึงเพื่อนๆมากๆนะ ไว้แล้วมีโอกาศจะเก็บเงินไปเที่ยวหานะจ๊ะ อิอิอิอิอิ
หยกค่า

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

พรีเซ้นครั้งใหญ่!!

สวัสดีค่ะทุกคน!! เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาที่นี่ได้มีงานพรีเซ้นครั้งใหญ่ค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับที่เราไปสัมภาษณ์คนญี่ปุ่นนั่นแหละค่ะ โดยนำผลสัมภาษณ์ที่ได้มาพรีเซ้น กลุ่มของหวานเป็นกลุ่มแรกเลยยยย ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ ดีใจที่อาจาย์ชม เพราะงานนี้ก็ถือว่าซ้อมหนักเลยทีเดียว เพราะต้องเป็นคนพูดคนคนแรกของกลุ่ม คนที่มาฟังในวันนั้นก็จะเป็นคนญี่ปุ่นที่เราสัมภาษณ์ไปค่ะ ทุกคนตื่นเต้นมาก ในกลุ่มมีหยก รวมอยู่ด้วยหยกเองก็ทำได้ดีทีเดียว ถึงตอนตอบคำถามก็ลำบากมากเลยทีเดียว เพราะว่าฟังคำถามไม่เข้าใจเลยยย จริงๆ แต่ก็ตอบได้เพราะฟังคำตอบจากเพื่อนในกลุ่มว่าเค้าตอบว่าอะไร แล้วก็มาตีคำถามอีกทีว่ามันน่าจะหมายถึงแบบนี้ ส่วนวันนี้พวกเราเพิ่งกลับมาจากฮิโรชิม่าค่ะ เหนื่อยมาก แต่ก็ดีใจเพราะได้เจออายานะ และจิฮีโร่ แล้วก็ได้เรียนทำขนมโมมิจิด้วยค่ะ สนุกมากจริงๆ แต่กวางดุมากไล่งับแผนที่ใหญ่เลย กวางที่นี่ชอบกินกระดาษค่ะ ฮ่าๆๆ ส่วนวันพรุ่งนี้ได้หยุดค่ะ พรุ่งนี้นัดกับเพื่อนไว้ว่าจะพาเพื่อนไปนัมบะ วันนี้ขอตัวก่อนนะค่ะ บายๆ おやすみなさい :〕ワーンです

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

พยากรณ์อากาศ

วันนี้ที่ญี่ปุ่นอากาศค่อนข้างหนาวมีฝนตกด้วย คิดถึงประเทศไทยสงสารคนที่โดนน้ำท่วม พวกเราอยู่ทางนี้ขอเป็นกำลังใจให้นะขร๊ะ...พูดถึงเรื่องฝนฟ้า ช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นก็ตกบ่อยอยู่เหมือนกัน พยากรณ์อากาศที่นี่แม่นมากๆ ถ้าบอกว่าพรุ่งนี้ฝนตก ก็ตกจริงๆ (ไม่เหมือนที่ประเทศไทย)^^” คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะดูข่าวพยากรณ์อากาศทุกวัน เพื่อที่จะได้พกร่มไปด้วยถ้าพยากรณ์บอกว่าฝนจะตก >>> ในวันแรกๆที่พวกเรามาอยู่ที่นี่ พยากรณ์อากาศบอกว่าพรุ่งนี้ฝนจะตกแต่พวกเราก็ไม่ได้สนใจขร๊ะ(นึกว่าจะเหมือนที่ไทย) ><” วันรุ่งขึ้นพวกเราต้องไปเกียวโตแต่เราไม่ได้พกร่มไปด้วย ฝนก็ตกลงมาจริงๆ พวกเราลำบากมากๆ ต้องเดินตากฝน แต่เพื่อนๆที่นี่ใจดี ให้เราอาศัยในร่มด้วย ^^” หลังจากวันนั้นพวกเราพากันไปซื้อร่มคนละคัน และเชื่อพยากรณ์อากาศของที่นี่เลยขร๊ะ อิอิ J ตกเป็นตกจริงๆ >..<” ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าก่อนนะขร๊ะเนื่องจากพรุ่งนี้พวกเราต้องไปฮิโรชิม่าจึงอาจไม่ได้นำเรื่องดีๆมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง แต่สัญญาว่าหลังจากกลับจากฮิโรชิม่า จะมีเรื่องสนุกๆมาเล่าให้เพื่อนๆฟังแน่นอนขร๊ะ ^^////ヌン

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ใกล้จะกลับแล้วยังไม่อยากกลับเลยเพื่อนๆๆ


อีกไม่กี่วันก็ต้องกลับแล้ว คิดแล้วก็ใจหายมากๆเลย ภาษากำลังจะเข้าใจถึงจะไม่มากแต่ก็คิดว่าดีกว่าเดิม เพราะถ้ากลับไปไม่ได้ใช้มันก็ต้องลืมแน่ๆเลย ฮืออออออ วันศุกร์ที่ผ่านมาได้ไปสอนหนังสือน้องๆเด็กประถมมาด้วย คือต่างคนต่างทำโพสการ์ดของประเทศเราและไปบอกกับเด็กๆว่าประเทศเรามีดีอะไรบ้างน่าสนใจมากแค่ไหน ตอนแรกก็ตื่นเต้นมากๆเลย หยกเองสอนทั้งหมดกสามห้อง ปอ ห้า ปอ สาม และก็ปอ สองค่ะ โรงเรียนที่นี่น่าประทับใจมากๆเลยนะค่ะ เหมือนเค้าสอนให้เด็กเค้ามีความเป็นระเบียบกันตั้งแต่เด็กเห็นแล้วน่าประทับใจสุดๆน้ำตาแทบไหลเลยทีเดียว น้องๆปอสามร้องเพลงให้ฟังด้วยแหละ เอากระดาษมาพับให้เยอะแยะมากมายแบกกลับแทบไม่ไหว ที่น่าประทับใจคือตอนพักกินข้าวหยกได้กินกับน้องปอสอง พวกเรารีบเปลี่ยนชุดใส่หน้ากากกันประมาณครึ่งห้องแล้วช่วยกันไปยกอาหารเพื่อนำมาทานที่ห้อง ดูเป็นระเบียบมา คือไม่มีใครเกรีี่ยงใคร คนที่เหลือก็ช่วยกันจัดเก้าอี้ให้เป็นวงกลม พออาหารมาก็ช่วยกันตักพอครบก็ทานพร้อมกัน มีน้องๆติดหยกมากตามหยกตลอดเลยชอบวิ่งเข้ามากอดน่ารักมากๆเลยค่ะ พอทานข้าวเสร็จพวกเค้าก็ช่วยกันเอาอาหารไปเก็บและอาหารที่ให้ไปถ้ารู้ว่ากินไม่หมดต้องตักคืนก่อนกิน จากนั้นก็ช่วยกันทำความสะอาดห้องโดยทำกันทุกคนไม่มีใครเกรี่ยงกัน ลบกระดาน กวาดห้อง ถูห้อง เช็ดโต๊ะ ถือว่าแย่งกันทำก็เป็นไปได้ หยกก็ได้ช่วยน้องๆกวาดห้องไปด้วยนะ เขียนในนี้อ่านดูแล้วอาจจะไม่ค่อยรู้สึกอะไรแต่ถ้าได้มาเห็นด้วยตัวเองแล้วจะรู้ได้เลยว่ามันยากที่จะบรรยาย มันเป็นอะไรที่น่าประทับใจที่สุดและที่แหละที่หยกคิดว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและมีระเบียบมาก เพราะพวกเค้าปลูกฝั่งกันตั้งแต่เด็ก เพราะหยกลองย้อนคิดถึงตัวเองตอนเด็กๆซึ่งที่โรงเรียนสอนได้แค่ครึ่งเดียวของเขาเอง สุดยอดมากกกกกกก ขอบอกจากใจ อิอิ
หยก

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เตรียมตัวพรีเซ้นใหญ่!!!

การเรียนวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเตรียมตัวพรีเซ้นใหญ่เกี่ยวกับインタビューวันนี้ก็มีการซ้อมบทพูดหน้าคลาสเรียนไปหนึ่งรอบ และอาจารย์ช่วยแก้สลิปให้ หลังจากนั้นก็นั่งทำพาเวอร์พ้อยกันค่ะ เนื่องจากว่าจะพรีเซ้นในวันพฤหัสที่จะถึงนี้ ก็เลยต้องมีการซ้อมกันยกใหญ่ ตอนนี้กลุ่มของเรางานส่วนใหญ่ก็เสร็จหมดแล้วเนื่องจากตอนเย็นพวกเรามานั่งรวมกลุ่มกันทำนอกเวลา จึงทำให้งานคืบหน้าไปมากทีเดียว ตอนนี้เหลือแต่ซ้อมส่งบทกันให้คล่องขึ้นแค่นั้นเองค่ะ พรุ่งนี้ก็เป็นคลาสให้เตรียมตัวอีกเช่นกัน แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ไปเป็นคุณครูสอนนักเรียนประถมมาสนุกมากกกกก ค่ะ เด็กๆน่ารักมาก เด็กที่นี่ซนกว่าเด็กไทยเยอะเลยค่ะแต่ก็กล้าแสดงออกกว่าเด็กไทยเยอะมากค่ะ เห็นได้ชัดเลยว่าการสอนต่างกันแน่ๆ เด็กๆที่นี่ถ้ามีอะไรสงสัยก็จะถามเลยทันที กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นไม่ค่อยเหมือนเด็กไทยที่ไม่ค่อยกล้าพูดกล้าแสดงออก เด็กที่นี่ถึงจะซนไปหน่อยแต่ก็เป็นระเบียบและมีความสามัคคีกันดีมากค่ะ อย่างเช่นเรื่องทำความสะอาด ทุกคนร่วมมือกันทำอย่าน่าประทับใจเลยทีเดียว และเวลาทานข้าวกลางวันก็สนุกมากค่ะ วันเสาร์ที่จะถึงนี้เราจะเดินทางไปฮิโรชิม่ากันค่ะ ไปชินคังเซ็น หยกดีใจใหญ่เลยที่ว่าได้นั่งชินคังเซ็น :) แล้วจะเล่าให้ฟังใหม่นะค่ะ วันนี้ おやすみなさい ○〔゜U゜〕○ ワーンです。

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ระเบียบวินัย

วันนี้จะมาเล่าเรื่องต่างๆที่ได้เห็นในประเทศญี่ปุ่นซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นมีระเบียบวินัยที่ดีเรื่องแรกที่อยากพูดก็คือการขึ้นบันไดเลื่อนที่ญี่ปุ่น>>คนญี่ปุ่นจะขึ้นบันไดเลื่อนชิดทางด้านซ้ายเพื่อให้คนข้างหลังสามารถเดินแซงได้(แต่ที่โอซาก้าชิดขวานะขร๊ะ)!!เรื่องต่อไปก็คือที่ประเทศญี่ปุ่นมีสัญญาณไฟสำหรับคนเพื่อข้ามถนนพร้อมกับทางม้าลายด้วย และทุกๆคนก็ข้ามถนนตามสัญญาณมองดูแล้วน่าจะมีความปลอดภัยสูงเลยทีเดียว ทำให้การจราจรดูแล้วไม่วุ่นวายเพราะทุกๆคนเคารพกฎจราจรเป็นอย่างดี(อาจฟังดูเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกแต่คนที่นี่ทำตามกฎกันจริงๆ ที่บ้านเราก็มีทางม้าลายแต่น้อยคนมากที่จะใช้มัน=_=")!!! คนญี่ปุ่นนิยมปั่นจักรยานกันมาก จึงมีที่จอดสำหรับรถจักรยานและถนนสำหรับรถจักรยานด้วย"นี่อาจเป็นเหตุให้ประเทศญี่ปุ่นมีอากาศที่ดี สดชื่นมากๆขร๊ะ ^^"////ヌン

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การเรียนที่กักชูอิน

สวัสดีค่ะทุกคนเพิ่งกลับมาจากโตเกียวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาค่ะ ขอโทษที่อัพช้าไปหน่อยนะค่ะ ค่ะวันนี้จะมาเล่าเรื่องการเรียนที่มหาลัยของ นักศึกษาญี่ปุ่นซึ่งน่าสนใจมาก การเรียนของที่นี่ห้องนึงจะมีนักเรียนประมาณ10-20คนเท่านั้นค่ะ ภายในหนึ่งคลาส แล้วเวลาเรียนก็จะนั่งเป็นกลุ่ม ทุกวันจะแบ่งกลุ่มโดยการจับฉลากค่ะ กลุ่มที่นั่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆทุกวัน การที่นั่งเป็นกลุ่มนั้นเพื่อที่จะได้ให้นักศึกษาปรึกษากัน การเรียนที่ญี่ปุ่นเป็นการเรียนแบบให้นักศึกษาแสดงความคิดของตัวเองมากกว่าของไทย พอเรียนจบก็อาจารย์ก็จะให้เขียนคอมเม้นเกี่ยวกับคลาสในวันนั้น ว่าเราได้อะไรไปบ้างและรู้สึกยังไงบ้างค่ะ การเรียนที่กักชูอินสนุกมากแต่น่าเสียดายที่ไปโตเกียวแล้วแต่ไม่ได้ไปไหนเลย วันนี้มีงานเทศกาลที่นี่ขอตัวไปร่วมงานก่อนนะค่ะ บายๆ

Wann :)

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

大学生

みなさん こばんは กลับมาแล้วจ้า หลังจากที่ไปอยู่โฮมสเตย์มา สามวันสองคืน ได้เรียนรู้และได้เจออะไรหลายๆอย่างมากมาย มีทั้งดีและไม่ดี วันนี้จะเล่าให้ฟัง ขอเริ่มที่เรื่องไม่ดีก่อนล่ะกันนะ หยกเองได้ไปมหาวิทยาลัย โดชิชะ ที่เมืองเกียวโต เป็นมหาวิทยาลัยหญิงล้วน ไปกับเพื่อนชาวไต๋หวัน ชือเอ
พอไปถึง หยกเองก็ไม่รู้ว่าก่อนเลยว่าบ้านที่หยกต้องไปอยู่ไม่ใช่นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยนั้น มารู้อีกทีตอนจะกลับบ้านซึ่งหยกต้องกลับเอง มีแค่แผนที่ป้ายรถเมล์บอก และร่างมาว่าบ้านเป็นสี่เหลี่ยนเท่านั้น ตอนนั้น น้ำตาแทบไหว ไหวแล้วแหละ เพราะถึงหยกนั่งรถไปลงป้ายถูกแล้วจะไปรู้ได้ไงว่าบ้านอยู่หลังไหน เป็นอะไรที่เครียดมาก และในมหาลัยก็มีเพื่อนชาวอเมริกาที่ได้นอนบ้านเดียวกัน แต่พอเลิกเรียนอาจารย์บอกคนอเมริกาว่าให้กลับกับหยก แต่ พอเดินออกมาเค้าบ่นคนเดียวแล้วบอกว่าทำไมต้องนั่งรถเมลล์เค้าจะขับจักรยานกลับ ไม่มีเหตุผลที่ต้องพาไปส่ง เค้าพูดเป็นภาษาอังกฤษกับเพื่อนเค้าแต่หยกกับเอได้ยิน เอก็คอยปลอบใจว่าหยกไม่เป็นไรนะ เค้าเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่เจอในญึ่ปุ่นและเป็นคนเดียวที่ไม่มีน้ำใจเอาซะเลย ใจดำที่สุด อารมณ์นั้นหยกโทรหาแม่และน้ำตามันก็ไหลออกมา เอก็ถามเค้าว่าขับจักรยานไปช้าๆได้ไหมเพื่อนไปบอกว่าขึ้นรถป้ายไหนก็ยังดี แต่เค้าบอกว่าไม่อยากไปทางนั้น เค้ารักที่จะไปอีกทางหนึ่ง แล้วย้อนกลับมาถามหยกว่าจะมาอยู่กี่วันกันนี่ ตอนนั้นหยกก็โมโหเลยตอบเป็นภาษาอังกฤษไปหาไม่ต้องหว่งหรอกฉันอยู่แค่สามวัน สามวันเท่านั้น จากนั้นเค้าก็เลยพาไปหาคนที่ดูแลที่มหาลัยเค้าเลยพาไปส่งขึ้นรถเมล์ซึ้งป้ายรถไกลมาก ถ้าหาเองคงไม่เจอง่ายๆ แต่เมื่อกลับไปถึงบ้านแทบตกใจเพราะบ้านหลังนี้รับคนมาอยู่โฮมสเตย์ด้วยรวมหยกเป็นห้าคน อะไรกันเนี่ย บางคนมาจากมาเลเซีย มาอยู่เป็นปีเลยทีเดียว มาอยู่โฮมสเตย์ที่นี่เพื่อนคนอื่นๆได้ภาษากลับมากันเยอะแยะ แต่หยกเองแทบไม่ได้เลยเพราะเหมือนบ้านหลังนี้รับคนมาอยู่ด้วยเยอะมากและไม่ได้คุยไรกันมากเท่าไหร่ และไม่ค่อยมีใครคุยกันด้วยเหมือนต่างคนต่างอยู่ แต่มันก็ผ่านมาแล้วจะถือว่าเป็นประสบการณ์สิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ผ่านมาในชีวิตในช่วงหนึ่งเท่านั้น ภายในเรื่องที่ไม่ดีก็ยังคงมีเรื่องที่ดีๆแอบอยู่เสมอ เรื่องดีๆก็คือ ในขณะที่หยกเองเจอเหตูการณ์แย่ๆเองก็มีเอนี่แหละที่ดีกับหยกมาก คอยปลอบใจและบอกว่าไม่เป็นไรนะ สู้ๆ ในช่วงเวลาที่ออกมาเดินหารถเมลล์เอถามอาจารย์ว่าฉันยังพอมีเวลาเหลือไหมฉันจะไปบอกเค้าว่าต้องไปอย่างไร เพราะเอเป็นคนไต๋หวันซึ่งแน่นอนว่าอ่านคันจิออกทุกคำ เวลาเรียนหยกไม่ค่อยเข้าใจเอก็จะช่วยอธิบายเป็นคำง่ายๆให้หยกเข้าใจ คอยถามและบอกว่าสู้ๆนะ สู้ไปด้วยกัน และบอกว่าเรื่องคนอเมริกาไม่ต้องไปใส่ใจมากแค่คนไม่มีน้ำใจคนหนึ่ง แต่หยกเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเค้าไม่ให้แต่นักศึกษาในมหาลัยรับโฮมสเตย์ทำไมต้องเป็นคนอื่นและมีแค่หยกคนเดียวเท่านั้นเอง เพื่อนคนอื่นๆกลับมาเล่าให้ฟังว่าคุยกันอย่างโน้นอย่างนี้สนุกมากแต่หยกเองแทบไม่ได้คุยเอง มาอยู่ก็เหมือนไม่ได้อยู่เหมือนไม่มีตัวตนเลย แต่ก็ช่างเถอะ แต่เวลาเรียนเพื่อนชาวญี่ปุ่นก็ดูแลเราเป็นอย่างดีดีมากเลยทีเดียว เพื่อนๆทุกคนดูสนใจภาษาไทยมาก ในเขียนชื่อให้ ให้สอนพูดนิดหน่อย น่ารักดี อ่อ นักศึกษามหาลัยที่ญุ่ปุ่นใส่ชุดอะไรมาเรียนกันก็ได้ ดีจังเลย อากาศก็เริ่มหนาวมากเลยด้วยที่นี่ ก็หยกเองก็ชอบนะเย็นสบายดี เรื่องดีๆยังมีให้เล่าอีกเยอะ แต่วันนี้ขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะค่ะ วันหน้าจะมาเล่าให้ฟังอีก สู้ๆนะค่ะเพื่อนๆ いっしょにがんばります。
หยกเขียนค่า

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ความซื่อสัตย์

วันนี้มีเรื่องราวที่เราประทับใจมากๆอยากมาเล่าให้ทุกๆคนฟัง เกี่ยวกับความซื่อสัตย์ของคนญี่ปุ่นที่เราได้พบเจอ เริ่มจากครั้งแรกนุ่นไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า คุณป้าที่เป็นคนคิดเงินได้คิดเงินผิด!!ซึ่งนุ่นก็ไม่รู้เพราะนุ่นไม่ได้ดูที่บิล...เมื่อนุ่นจ่ายเงินไปแล้ว ไม่รู้ว่าคุณป้ารู้ได้ไงว่าคิดเงินผิด เขาเรียกนุ่นให้กลับมาแล้วก็บอกว่าเขาได้คิดเงินผิด และคืนเงินให้แก่นุ่นพร้อมคำขอโทษอีกล้นหลาม^_^" ครั้งต่อมาเพื่อนคนหนึ่งได้ลืมกล้องไว้บนรถบัสที่ไปทัศนศึกษา(รถบัสได้มาส่งพวกเราแค่ในตัวเมืองเราต้องนั่งรถกลับที่พักเอง)ก่อนที่เราจะกลับที่พักเราก็เดินเที่ยวไปเรื่อยๆจนเราจะถ่ายรูปกันเพื่อนคนนั้นเพิ่งรู้ตัวว่าทำกล้องหาย แต่เขาไม่รู้ว่าหายไปตอนไหน><"แต่เมื่อพวกเรากลับไปถึงที่พัก พนักงานประจำเคาเตอร์ได้มอบกล้องคืนแก่เพื่อนของเราและบอกว่าเขาลืมไว้บนรถบัส และรถบัสนำมาคืนไว้ที่เซนเตอร์"ช่างเป็นคนดีจิงๆ" และวันนี้ตอนอาหารค่ำเราได้รับประทานอาหารกันที่โรงอาหารที่เซนเตอร์อย่างเช่นเคย เรานั่งรับประทานอาหารกันได้สักพักพนักงานก็เดินมาที่พวกเราเพื่อชี้แจงอะไรบางอย่าง นั่นก็คือเขาคิดเงินค่าอาหารของหยกผิดและเขาได้แก้ไขให้เรียบร้อยแล้วพร้อมโชว์บิลให้เราดู และขอโทษเป็นการใหญ่(ในการจ่ายเงินที่พวกเราไม่รู้เพราะว่าเราไม่ได้จ่ายเป็นเงินสด เราใช้การ์ดที่ทางศูนย์ให้เรามา ซึ่งก็น่าจะเหมือนกับหลายๆคนที่ไม่ค่อยได้ตรวจดูบิล)......นี่เป็นความประทับใจในความซื่อสัตย์ของคนญี่ปุ่น ซึ่งหาได้ยากมากในประเทศของเรา เราเป็นคนต่างชาติ เราอ่านไม่ค่อยออก เราฟังเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง ซึ่งถ้าเขาไม่บอกเราถึงความผิดพลาดเราก็ไม่รู้ แต่เขาก็ซื่อสัตย์ต่อเราและขอโทษเราเป็นอย่างมาก ทำให้เรารู้สึกว่าคนญี่ปุ่นน่ารักมากๆเลย/////ヌン

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

わたしのともだち

ตอนนี้ที่นี่ก็มีนักศึกษาชาวญี่ปุ่นมาอยู่ที่ศูนย์ สามวัน แต่ก็กลับวันนี้แล้ว พวกเราสนิทกันมาก ถึงกลับกอดลากันก่อนกลับแบบนับครั้งไม่ถ้วนเลยทีเดียว เพื่อนๆน่ารักมาก ไปเที่ยวด้วยกัน ไปร้องคาราโอเกะด้วยกัน ถ่ายรูปร่วมกัน แล้วตอนเช้าของวันนี้เพื่อนๆก็มาสอนภาษาวัยรุ่นให้ฟังสนุกมากๆเลย わかいものことばเป็นคำที่เอามาย่อจากคำเต็ม ก็เหมือนๆภาษาวัยรุ่นของไทยนั่นแหละ วันนี้ได้คำที่ได้มาและจำได้แม่นก็คือ やばい แต่คำนี้เป็นได้ทั้งคำที่ดีและไม่ดีนะค่ะเพื่อนๆ เวลาใช้ต้องประกอบกับท่าทางของหน้าตาเราด้วยนะ ไม่งั้นอาจไปคำไม่สุภาพไปเลย อ่อวันจันทร์นี้ก็ต้องขอโทดด้วยนะค่ะที่ไม่ได้เข้ามาเขียน จันทร์ถึงพุธ เพราะพวกเราต้องไปอยู่บ้านโฮมสเตย์ กัน สามวัน คงไม่ได้เอาโน๊ตบุคไปนะค่ะ กลับมาแล้วเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไร สุดท้ายนี้เรามาสู้ด้วยกันเถอะนะค่ะ いしょにがんばりましょう。:)

ヨオかきた。:)

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

ภาษาทางการ :)

เมื่อวานซืนได้เรียนเรื่องใหม่ในคลาส日本語バラエティ เป็นเรื่องเกี่ยวกับภาษาทางการหรือเรียกว่า 尊敬語(そんけいご)และ 謙譲語(けんじょうご)โดยที่2อย่างนี่จะต่างกันตรงที่ระดับคนที่เราพูดด้วย ถ้าเราพูดกับคนที่เราเคารพหรือตำแหน่งที่สูงกว่าเช่น อาจารย์ หัวหน้างาน เราจะต้องใช้けいじょうご แต่ว่าถ้าเราคุยกับคนที่เด็กกว่าหรือคนที่ตำแหน่งต่ำกว่าเช่น ลูกน้อง ก็จะใช้そんけいご จะยกตัวอย่างบางคำให้ดูนะค่ะ เช่น
 先生:どちら(どこ) から いらしゃいました(いきました)か。
อาจารย์: มาจากที่ไหนค่ะ?
学生:私は タイから まいりました(きました)。
นักเรียน: ฉันมาจากประเทศไทยค่ะ

อยากบอกว่าเป็นอะไรที่ยุ่งยากทีเดียวเพราะว่ารวมๆแล้วเหมือนจะต้องเรียนศัพท์ใหม่ทั้งหมดเลย แต่ก็สนุกดีค่ะเวลาเราพูดภาษาแบบนี้คนญี่ปุ่นก็จะตกใจมากกก โหหหเก่งนะเนี่ยประมาณนั้นแหละค่ะ ส่วนวันนี้เป็นการインタビューครั้งสุดท้ายสัมภาษณ์ นศ. ญี่ปุ่นค่ะ ตอนนี้มีนักศึกษาชาวญี่ปุ่นจากมหาลัยพาสเนอร์มาอยู่กับเราค่ะทุกคนน่ารักและเป็นมิตรมาก พอสัมภาษณ์เสร็จก็เป็นการรวบรวมข้อมูลว่าเราได้อะไรมาบ้างแล้วได้ตรงตามเป้าหมายมั้ยแล้วเป้าหมายของเราคืออะไร สนุกมากค่ะ ถึงจะไม่ค่อยเก่งแต่ขอให้ได้พูดไว้ก่อนเป็นคติประจำใจค่ะ วันนี้ได้เพื่อนใหม่จากโปรมแกรมอื่นที่มาเรียนภาษาญี่ปุ่นที่นี่6เดือนเป็นคนเกาหลี เพื่อนทุกคนที่นี่น่ารักมาก อาทิตย์หน้าต้องไปโตเกียวแล้ว แล้วไว้จะมาเล่าให้ฟังนะค่ะทุกคน さよなら。:) ワーンです。

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

ห้องน้ำ

วันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับห้องน้ำมาเล่าให้เพื่อนๆฟังขร๊ะ ห้องน้ำที่นี่แตกต่างจากห้องน้ำที่บ้านเราขร๊ะ ที่เห็นชัดๆก็มีอยู่ 2 อย่าง อย่างแรก ห้องน้ำที่นี่ทันสมัยมากๆ เพื่อนๆเคยดูเดี่ยว8(โน๊ตอุดม)กันใช่มั้ยขร๊ะ เป็นแบบที่เขาเล่าเลย คือมีปุ่มกดเพื่อชำระล้างทำความสะอาดให้เราโดยที่ไม่ต้องใช้ที่ฉีดก้น หรือ ขัน แบบที่บ้านเราเลยขร๊ะเลือกระดับความแรงได้ด้วย ^__^"  นอกจากนั้นยังมีปุ่มกดเพื่อนสร้างเสียงเพื่อกลบเสียงเมื่อเราจะบรรเทาทุกข์หนักด้วยขร๊ะ เป็นไงขร๊ะ เจ๋งไปเลย.....!!! อีกเรื่องคือ ถ้าเป็นที่บ้านเราก็จะไม่ให้ทิ้งกระดาษชำระลงไปในโถส้วม แต่ที่ประเทศญี่ปุ่น เค้าให้ทิ้งกระดาษชำระลงไปในโถส้วมได้เลยขร๊ะ (ระบบท่อน้ำที่นี่คงดีมากๆเลย) ><" อิอิ //// ヌン

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

การสัมภาษณ์ครั้งแรก :)

ค่ะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเราได้ไปสัมภาษณ์เด็กนักเรียนมหาวิทยาลัยที่โกเบมาค่ะ ก่อนที่เราจะไปสัมภาษณ์จริงจะมีคลาสเรียนเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ก่อน โดยอาจารย์จะเป็นผู้แบ่งกลุ่มให้ และให้ตั้งชื่อกลุ่มและธีมค่ะ กลุ่มของหวานชื่อ雪女(yukionna) ชื่อกลุ่มดูน่ากลัวเพราะว่าก็พยายามหาอะไรที่ชอบเหมือนกันและทุกคนก็ตอบว่าชอบฤดูหนาวเหมือนกัน ในกลุ่มมีสมาชิก4คน ได้แก่ รินดา(อินโดนีเซีย) หยก อึนจอง(เกาหลี) และก็หวานค่ะ รินดาเป็นหัวหน้ากลุ่มค่ะ ส่วนหัวข้อในการสัมภาษณ์คือ ความเป็นอยู่ของนักศึกษา อย่างเช่นทำงานพิเศษไหม วันหยุดไปไหน เป็นต้นค่ะ ก่อนที่เราจะไปสัมภาษณ์จริงเราก็ได้มีการเตรียมคำถามด้วยกันก็ตกลงกันว่าคิดกันคนล่ะ5คำถามและมาเลือกเอาว่าจะเอาอันไหนดี พอไปถึงโกเบเราก็ได้สัมภาษณ์นักศึกษาจากชมรมISA ซึ่งเป็นชมรมเกี่ยวกับนานาชาติค่ะ นักศึกษาที่นี่น่ารักทุกคนค่ะ แล้วก็มีบางคนตลกมากค่ะ:) ได้เพื่อนใหม่ด้วยหลังจากสัมภาษณ์เสร็จพวกนักศึกษาก็จะพาเราไปเที่ยวรอบๆโกเบค่ะ สนุกมาก อากาศดีตอนนี้อากาศประมาณ22-18องศาค่ะ การสัมภาษณ์ครั้งนี้ไม่เครียดค่ะ เหมือนคุยเล่นกันมากกว่าโดยรวมแล้วสนุกมากค่ะ みんなさん さよなら :)ワーンです。

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

ออนเซน



เมื่อวันที่ 16-17 กันยายนที่ผ่านมา เราได้ไปทัศนศึกษาที่เกียวโต-นารา สนุกมากขร๊ะ ได้ไปดูกวางและวัดต่างๆมากมาย ตอนกลางคืนเราพักค้างแรมกันที่โรงแรม อาคารมื้อค่ำเราได้ใส่ชุดยูคาตะ และนั่งรับประทานอาหารกับพื้นตามแบบคนญี่ปุ่น ที่โรงแรมแห่งนี้มีบ่อน้ำร้อนด้วยขร๊ะ เราได้ชักชวนกันไปลงแช่น้ำที่บ่อ ออนเซน "การแช่น้ำในบ่อ ออนเซน ห้ามใส่เสื้อผ้านะขร๊ะ" >_<!!! ก่อนที่จะลงต้องอาบน้ำล้างตัวกันก่อน ตอนแรกๆพวกเราก็อายๆกันขร๊ะ แต่คนญี่ปุ่นถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก เราจึงทำใจรีบอาบน้ำแล้วลงไปในบ่อ (น้ำร้อนมากขร๊ะ) แช่ไปสักพักรู้สึกดีมากๆ พวกเราแช่กันอยู่สักพักก็เริ่มไม่ไหว ก็ขึ้นมาอาบน้ำเย็นกัน คืนนั้นเรานอนหลับสบายมาก เหมือนได้ผ่อนคลายเลยขร๊ะ //// ヌン

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

เพื่อนเรียนเพื่อนเล่น

  ขอโทษด้วยเนื่องจากเมื่อวานไม่ได้เข้ามาเขียน เพราะอินเตอร์เน็ตมีปัญหานิดหน่อยเข้าไม่ได้ ตอนนี้ที่นี้มีพายุใต้ฝุ่นเข้า ทำให้วันนี้ต้องงดกิจกรรมที่จะออกไปโรงเรียนเด็กประถม แต่ก็ไม่ได้หยุดนะค่ะ มึเรียนต่อค่ะ อิอิ ตอนนี้พวกเราก็รู้จักเพื่อนๆและสนิทกันมากขึ้น พอเลิกเรียนก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่คนเดียว ไม่มีเลยดีกว่า เพราะอยู่กับเพื่อนๆตลอด ทั้งเล่นเกมส์กัน ร้องคาราโอเกะกัน สนุกมากๆๆๆๆๆๆ เพื่อนๆหลายคนมานั่งคุยเล่นกันในห้องหยก โอ๋ห้องดูแคบไปเลย ห้าห้า แต่ก็ดีทำให้เราได้ใช้ภาษาญี่ปุ่น แต่คำไหนไม่เข้าใจก็จะให้อังกฤษช่วยตลอด แต่เพื่อนๆฝรั่ง ก็เข้าใจที่เราพูดนะ ห้าห้าห้า หรือบางทีมันเป็นความเคยชินกับภาษาญี่ปุ่น ทำให้เวลาเพื่อนถามอังกฤษมา แต่หยกดันไปตอบภาษาญี่ปุ่น ห้าห้า หัวสมองเริ่มมึนแยกแยะไม่ค่อยออก ก็ถือว่าดีนะ ตอนนี้เราสนิทกับเพื่อนชาวฮอลแลนด์มาก เป็นผู้ชายแต่ชอบผู้ชายเหมือนกัน ห้าห้า เข้าใจไหมค่ะ มานั่งเล่นด้วยกันทุกวัน เรียนห้องเดียวกันด้วย มีความสุขเพราะมีเพื่อนๆๆน่ารักทุกคนเลยยยยยย (ตอนนี้นั่งเขียนข้อความนี้พร้อมกับพายุใต้ฝุ่น หนาวลมแรงน่ากลัวมากๆๆเลย )
ヨオ:)

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

การเรียนต่อเนื่อง

ต้องขอโทษด้วยค่ะที่หายไปหลายวันเนืองจากเราไปเที่ยวเกียวโต-นารามาค่ะ :) สนุกมากกกเลยแต่เดี๋ยวให้คนอื่นมาเล่าดีกว่า ค่ะก่อนที่เราจะไปเกียวโตเราได้ทำการพูดสปีสรอบแรกไปค่ะ ซึ่งเป็นอะไรที่ตื่นเต้นทีเดียวเนื่องมีการอัดวีดีโอลงyoutubeด้วยค่ะ สปีสครั้งแรกเป็นการพูดเกี่ยวกับประเทศของเรา หลังจากจบสปีสก็เป็นการเช็คโปรเตอร์และสคิปที่เรากำลังจะไปพรีเซ้นที่โรงเรียนประถม การเรียนในช่วงอาทิตย์นี้จะเน้นหนักไปด้านการสนทนา เพราะเรากำลังจะต้องไปเยี่ยมโฮมวิสสิส ซึ่งเราต้องโทรหาครอบครัวที่เราจะไปเยี่ยมเองค่ะ และก็จะเป็นสนทนาและแบบแผนการพรีเซ้นเรื่องต่างๆค่ะ และหลังจากจบสปีสแรกเราก็ต้องเขียนสปีสครั้งที่สองต่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับมหาลัยวิทยาลัยของเราค่ะ คลาสที่เราเรียนจะเปลี่ยนอาจารย์ไปเรื่อยๆทุกวันค่ะ จึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นนิดหน่อยว่าวันนี้จะเป็นอาจารย์คนไหนมาสอนนะ แต่ที่แน่ๆการบ้านเยอะทุกวันค่ะ :) วันนี้นัดกับเพื่อนไปเล่นดอกไม้ไฟเพราะเขียนสปีสเสร็จและส่งแล้ว ยังไงขอตัวก่อนนะค่ะ みんなさん さよなら。:)ワーンです。

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

แยกขยะกันเถอะ

วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องที่เรารู้สึกว่าประเทศไทยน่าเอาเป็นแบบอย่างตามประเทศญี่ปุ่นมาก เป็นเรื่องที่เราคิดว่าดีมากๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นเขาแยกขยะกันนะค่ะเพื่อนๆ ที่นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆไม่ว่าเราจะไปที่ไหนแม้กระทั้งสถานีรถไฟก็จะมีถังขยะหลายๆใบ สำหรับ ทิ้งขวดพลาสติก ถุง ขวดแก้ว ขยะเปียก แยกแม้กระทั่งก้นบุหรี่ ในห้องที่เราพักอาศัยก็ต้องแยกขยะเช่นกัน....ถึงแม้ที่ประเทศไทยเราจะมีการแยกขยะแต่ก็ไม่ได้แยกแบบจิงๆจังๆ =__=" แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นทุกคนเห็นว่าการแยกขยะเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องใส่ใจเรื่องนึงเลยทีเดียวววววววววววว !!!!!!!!!

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

นานวันยิ่งเข้าใจคำว่าเพื่อน

ตอนนี้พวกเราได้รู้จักเพื่อนใหม่เยอะแยะไม่หมดเลย สนิทสนมกันดี ทุกคนที่นี่มีน้ำใจกับเรากันมากๆเลย ก็มีแค่ไม่กี่คนที่มาเพื่อเรียนแล้วเอาชนะไม่สนใจใคร ก็ไม่เป็นไรช่างเค้าไป อิอิ เมื่อคืนไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆมา ไปกันเยอะมากๆเลยสนุกมาก ตอนแรกเพื่อนชาวไต๋หวันก็ไม่กล้าเต้น แต่พอเจอคนไทยอย่างพวกเราเต้นกันแบบบ้าคลั่ง เค้าก็เต้นตามกัน ฮามาก หยกทั้งเต้น ทั้งรำโชว์เค้า เค้าก็หัวเราะกันสนุกดี ห้าห้า เพื่อนๆประเทศอื่นดูจะสนใจกับภาษาไทยมาก เพราะตอนแรกเราสอนเค้าพูดไทย พอเจอหน้ากันเค้าก็จะทักเราเป็นภาษาไทย และเค้าอยากรู้อะไรอีกเค้าก็จะถามเราว่าภาษาไทยพูดว่าอย่างไง แต่สังเกตุดูพวกเค้าไม่ค่อยสนใจภาษาอื่นๆนอกจากภาษาไทยเลย ดีใจจังที่มีคนมาสนใจภาษาของเรา วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะค่ะ เพราะว่าしょうくたいたいくさんあります。(การบ้านเยอะมากๆๆๆๆๆๆ)

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ห้อง1หน้ามึน

สวัสดีค่ะทุกคน!!!  ที่นี่วันๆหนึ่งผ่านไปเร็วมากกกกก  วันนนี้จะมาเล่าถึงการเรียนปกติทั่วไปนะค่ะ คลาสเรียนที่นี่จะแบ่งตามระดับความเก่งค่ะ!!! แน่นอนว่าพวกเราอยู่ห้อง1หมายถึงระดับ1หรือเรียกง่ายๆว่าห้องที่เก่งน้อยที่สุด ฮ่าๆๆๆ ถึงจะเป็นระดับไม่เก่งแต่อยากบอกว่าสื่อสารประจำวันนี้สบายนะค่ะไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้ฟังไม่ได้อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้นะ คือเป็นระดับเบสิกคือเข้าใจภาษาญี่ปุ่นระดับพื้นฐาน แต่ถ้าห้องสูงกว่าก็เป็นห้องที่สามารถใช้ได้อย่างครล่องแคล่ว คิดแล้วพูดได้เลยแบบไม่ต้องเรียงประโยคหรืออ่านสคิปเวลาพรีเซ้น :) การเรียนก็จะมีคลาสสปีช กับดิสกัสชั่น โดยส่วนตัวชอบคลาสดิสกัสชั่นมาก สนุกมากได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับคนอื่นๆ คือคลาสนี้จะเป็นการเปิดให้ทุกคนพูดโดยแต่ละวันจะมีหัวข้อที่ต่างกันไปเช่นหัวข้อเรื่องเทศกาลบ้าง การศึกษาบ้าง สนุกมากได้รู้เรื่องที่เราไม่เคยได้รู้เยอะแยะเลย แน่นอนว่าทุกคนพูดภาษาญี่ปุ่นค่ะ ทุกคนจะพูดถึงประเทศของตนเองในหัวข้อนั้นๆว่าเป็นยังไงบ้าง ส่วนคลาสสปีชพรุ่งนี้ต้องพูดจริงแล้วค่ะ แต่อยากบอกว่าไม่ค่อยกดดันค่ะเพราะพูดให้เพื่อนในห้องฟังก่อน แล้วครั้งหน้าถึงจะเป็นสปีชใหญ่ที่พูดให้คนอื่นฟังด้วย แต่ละคนได้รับหัวข้อให้พูดถึงประเทศตนเอง แต่คนไทยมีสี่คนก็เลยต้องแบ่ง หวานเลือกเรื่องอาหารเพราะตัวเองถนัด มีเวลาให้คนละ3-5นาทีค่ะ โดยเราแต่งเสร็จแล้วส่งเมลล์ให้อาจาย์ อ.ก็จะแก้ให้แล้วเราก็จะให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว อ.ใจดีค่ะ เสร็จแล้วเราก็ต้องมาท่องค่ะ วันนี้มีพรีเซ้นเรื่องที่เราไปเที่ยวในเมืองโอซาก้ามาเมื่อวันเสาร์ สนุกมาก เพื่อนๆในโปรแกรมช่วยกันใหญ่รวมถึงอ.ดูจะห่วงเป็นพิเศษเดินมาดูและแก้สลิปให้ถึงที่นั่งเลย ฮ่าๆๆๆ วันนี้พรีเซ้นถือว่าผลตอบรับดีค่ะ ดีใจที่ทำให้เพื่อนสนุกได้  :) หลังจากพรีเซ้นวันนี้ก็มีเรียนการสนทนากับโฮมวิสสิท อาจารย์พูดเร็วไปบ้างแต่ก็เข้าใจจนได้ อาจารย์คงจะปวดหัวนิดหน่อยที่ยกมือถามบ่อย ฮ่าๆๆ  สรุปโดยรวมการเรียนวันนี้สนุกค่ะ แต่การบ้านนี่เยอะจริงๆ ฮือๆๆTT_TT ตอนนี้ไม่สบายไอหนักมากถ้าไม่ดีขึ้นในอีกสองสามวันว่าจะไปหาหมอแล้วค่ะ ไม่ไหวๆ รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะทุกคนนน 気おつけてください。おやすみなさい。 ワーン^_^


วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

けっこんしき

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆในโอซาก้า เราไปหลายที่อากาศที่นี่ร้อนมาก .... เราได้เข้าไปที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ซึ่งบังเอิญว่าศาลเจ้าแห่งนี้ได้มีการประกอบพิธีอยู่ เราสังเกตเห็นว่าทุกคนที่มาร่วมงานนี้สวมเสื้อผ้าสีดำ  เราจึงถามเพื่อนชาวเกาหลีในกลุ่มว่านี่พิธีอะไร???? แล้วเราก็ต้อง งง กับคำตอบว่า นี่เป็นพิธีแต่งงาน!!!!!! คนญี่ปุ่นจะสวมชุดสีดำมาร่วมงานแต่งงานซึ่งแตกต่างจากประเทศเรามาก ถ้าเป็นประเทศเราถ้าใส่ชุดสีดำ ก็คงไม่ต้องบอกว่าเป็นพิธีอะไร เพื่อนชาวเกาหลียังบอกเราอีกว่าเป็นโชคดีของเราที่ได้เห็นพิธีแต่งงานของคนญี่ปุ่นแบบเก่า ซึ่งหาดูได้ยาก หวังว่าเราคงมีเรื่องดีๆแบบนี้เกิดขึ้นอีก ตลอดทริปนี้ในโอซาก้า.......ヌン

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

เพื่อนผู้แสนดี

   เมื่อวานนี้พวกเราได้รับโจรย์ให้ไปเที่ยวโอซาก้ากับเพื่อนๆ เพื่อนมาพรีเซ็นในวันอังคารที่จะถึง เพื่อนคนไต๋หวัดหรือเอ นำทางพวกเราเพราะเค้าเก่งคันจิมากเนื่องจากภาษาจีนและคันจิมีความหมายเหมือนกัน พวกเราไปเที่ยวกันหลายที่มากๆเลย สนุกมาก แต่ก็ร้อนมากเลยทีเดียว ผู้คนที่นี่แต่งตัวแฟชั่นกันมากเลยทั้งๆที่อากาศก็แสนจะร้อนมาก ห้าห้า มีระเบียบกันมากเลย เช่นเวลาข้ามถนนก็ต้องรอสัญญาณจากไฟให้คนข้ามถนนเท่านั้น มีถนนเล็กให้สำหรับจักรยาน ดูเป็นประเทศที่มีระเบียบมากๆเลย และทุกอย่างก็ตรงต่อเวลาไปหมด ทำให้เรากลายเป็นคนตรงต่อเวลาไปเลย และวันนี้ ก็มีเพื่อนจากคอร์ทใหม่มาเพื่อมาเรียนที่นี่ จะได้รู้จักเพิ่มหนึ่งคน ชื่อ แอนดิว เป็นคนผิวดำ แต่นิสัยดีมากๆเลยนะ วันนี้พวกเราได้มานั่งติวกันเรื่องที่ไปเที่ยวโอซาก้าที่จะพรีเซ้น หยกเองก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ เอ เพื่อนชาวไต๋หวันก็ดีมากๆๆๆๆ เลน ค่อยๆอธิบายจนเราเข้าใจว่าควรทำอะไรบ้าง ประทับใจเพื่อนๆที่นี่จังเลยค่าาาา :) あさんありがとこさいます。
หยก

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

เข้าเมืองโอซก้า!!

วันนี้เข้าไปทำรายงานเพื่อพรีเซ้นวันอังคารหน้า ที่ตัวเมืองโอซาก้า สนุกมากกก เหนื่อยมากกกค่ะ วันนี้ไปทั้งหมด3ที่คือ 1.住まいのミュージアム大阪からしの今昔間(The Osaka Museum Of Housing and Living)
2.大阪城(Osaka Castle) 3.Namba (Dotonbori) โดย Mission อยู่ว่าจะต้องไปถ่ายรูปกับคนญี่ปุ่น และต้องให้คนญี่ปุ่นถ่ายรูปให้ และถ่ายอาหารที่เรากินแล้วก็สถานที่ที่เราอยากแนะนำค่ะ พอไปถึงที่แรกที่พิพิธภัณฑ์ ก็มีคนบรรยายเป็นคุณลุงคนนึงน่ารักมากกกก โชว์อะไรให้ดูตั้งหลายอย่างแถมได้ใส่ยูกาตะเดินในนั้นเหมือนกับได้อยู่ในสมัยก่อนจริงๆเลย ตอนเดินไปในพิพิธภัณฑ์ก็เจอเด็กคนหนึ่ง พูดว่าYamori Doko da ~ตลอดทางเราก็งงว่ายาโมรินี่มันคืออะไร ทำไมต้องไปถามหามัน ก็เลยถามคุณลุงว่ามันคืออะไรลุงแกก็อธิบายแต่ไม่เข้าใจลุงแกก็เลยพาไปดูเลย มันก็คือจิ้งจกนั่นเองฮ่าๆๆๆ แล้วลุงแกก็ถามกลับมาว่าที่ไทยมีจิ้งจกมั้ย ก็เลยตอบไปว่ามีสิลุงเยอะด้วย ฮ่าๆๆๆ หลังจากนั้นก็นั่ง  รถไฟไปโอซาก้าโจ วันนี้อากาศร้อนมากกกกก ไปถึงที่โอซาก้าโจแล้วต้องเดินไกลมากกว่าจะไปถึงตัวปราสาท จริงๆเดินกันจนเหงื่อเปียกเหมือนอาบน้ำเลย หลังจากนั้นก็ไปนัมบะไปเดินดูของกัน คนเยอะมากค่อยรู้สึกเหมือนมาญี่ปุ่นหน่อยตอนที่จะข้ามถนนที่นัมบะเนี่ยแหละ เพราะเหมือนภาพในทีวีที่เราเคยเห็นกันบ่อยๆเลยที่คนเดินข้ามกันเป็นกลุ่มใหญ่มากๆ วันนี้ได้คุยกับเพื่อนสนุกมาก ถึงจะเป็นกลุ่มที่มีคนน้อยสุดแต่ก็เฮฮามาก หัวหน้ากลุ่มจินจัง น่ารักมาก รวมทั้งชารีน ไฮจู ด้วยทุกคนสนิทกันเร็วมาก วันนี้กลุ่มเราเป็นกลุ่มแรกที่กลับมาที่ศูนย์ ทุกคนเหนื่อยมากพรุ่งนี้ต้องมีประชุมเรื่องพรีเซ้นตอนเช้าอีก และยังมีสปีชที่เกี่ยวกับยประเทศของตนเองที่ต้องส่ง รวมทั้งคลาสดิสกัสชั่นที่เป็นการเรียนรู้เรื่องต่างๆเกี่ยวกับคนและประเทศญี่ปุ่นด้วย การบ้านเยอะมากแต่ตอนนี้ทำเสร็จไปบ้างแล้วก็ดีใจ พรุ่งนี้จะได้พักผ่อน:) วันนี้ขอนอนก่อนนะค่ะ おやすみなさい

ワーン^_^

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

เสียงตอบรับ

ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เมื่ออาจารย์สอนหรือว่าเวลาเพื่อนๆทุกคนคุยกัน มักจะได้ยินเสียง ええรึはいและ อืมๆ ตลอดเวลา เราสามคนก็สงสัยว่าทำไมต้องทำเสียงแบบนี้ตลอดเวลาที่ฟังคู่สนทนาพูด???..... แล้วเราก็ได้คำตอบที่ว่า การทำเสียงแบบนี้เป็นการทำเสียงตอบรับว่าเรากำลังฟังคู่สนทนาพูดอยู่นะ ไม่ได้แสดงว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่คู่สนทนากำลังพูด ในบางครั้งคนญี่ปุ่นจะออกเสียงตอบรับถึงแม้จะฟังสิ่งที่คู่สนทนาพูดไม่เข้าใจ ต้องคอยสังเกตอาการให้ดีๆ ถ้าเห็นเขาทำหน้ายิ้มแหย่ๆๆ .... แปลว่าเขาไม่เข้าใจถึงแม้เขาจะพูดว่า はいก็ตาม5555 ^___^....เพื่อนๆทุกคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ใช่มั้ยค่ะ พวกเราก็สงสัยว่าทำไมไม่พูดออกมาตรงๆว่าไม่เข้าใจ แต่นี่เป็นลักษณะของคนญี่ปุ่นที่แสดงความสุภาพไม่พูดอะไรตรงไปตรงมาด้วยความที่เกรงใจเราค่ะ .... เพื่อนๆเห็นความแตกต่างกับคนไทยเลยใช่มั้ยค่ะ คนไทยมักชอบอะไรที่ตรงไปตรงมามากกว่า ซึ่งนี่ก็เป็นความลำบากอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิตที่นี่นอกจากสนทนาแล้วเราต้องคอยสังเกตคู่สนทนาของเราด้วยค่ะ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคนญี่ปุ่นที่น่าสนใจ แล้วเราจะนำมาเล่าสู่กันฟังเรื่อยๆนะค่ะ วันนี้ฝันดีนะค่ะทุกๆคน おやすみなさい >>>>> ヌン 

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

เพื่อนกัน สองพันสี่

วันนี้พวกเราได้รู้จักเพื่อนเยอะแยะมากมาย หลังเลิกเรียนก็นัดกันว่าจะไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ของเมืองริงกุ เป็นชิงช้าที่สวยและสูงมากๆๆๆๆ ไม่เหมือนชิงช้างานวัดนะค่ะ อิอิ คนที่นี่ดูเป็นกันเองและใจดี ทั้งอาจารย์เพื่อนและบุคลากร รวมไปถึงคนพนักงานตามร้านต่างๆ น่ารักและใจดีกันทุกคน พวกเราไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ สี่คนมีหวาน นุ่น หยก และก็เมย์เป็นเพื่อนใหม่มาจากมอสยามค่ะ ค่าขึ้นชิงช้าก็สี่คน สองพันสี่ร้อยเยน เป็นเงินไทยก็ประมาณ แปดร้อยบาท หลังจากนั้นก็ไปกินซูชิกัน อร่อยมาก หวานกินเยอะมาก ห้าห้า ดูมีความสุข แต่หยกเองกินได้แค่ ห้าจาน เพราะไม่ค่อยชอบกินปลาดิบเท่าไหร่ พนักงานที่นี่พอเราเข้าไปเค้าก็พูดต้อนรับเราทุกคน จนเราอายกันไปเลยทีเดียว อิอิ เสร็จก็นั่งรถมากินข้าวก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่อีกคน ชื่อ ยู มาจากนอร์เวย์ คุยกันสนุกสนานมากค่ะ ทั้งภาษาญี่ปุ่น แต่พอสักพักต่างๆคนต่างไม่ค่อยเข้าใจเลยสนมภาษาอังกฤษไปด้วย เฮฮาปาตี้กันมากๆๆเลยค่ะ ในคอร์ทนี้ก็ถือว่าเพื่อนทุกคนดีกับเรามากๆ เพราะตอนแรกเราจะบอกเค้าไปเลยว่าเราพูดญี่ปุ่นไม่เก่งนะ เป็นไรไหม เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร สู้ๆ และคอยสอนเราทุกอย่างที่เค้าจะสอนได้ ประทับใจมากๆเลยค่าาาาาา สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะค่ะ おやすみなさい

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

ชีวิตวันแรกในโอซาก้า

พวกเราเดินทางมาถึงโอซาก้าประมาณ  19:00 น. พอลงจากเครื่องบิน งง มาก ผู้คนพากันวิ่งกรูกันไปตรงทางเข้า พอพวกเราเดินตามไปก็เข้าใจได้ว่าต้องไปรอรถไฟเพื่อที่จะไปต่อไปที่ท่าอากาศยานคันไซ แต่พวกเราห้าคน ก็ไหวตัวทันเลยรีบวิ่งตามเค้าไปแล้วก็ทันขึ้นรถไฟขบวนแรกด้วย พวกเราผ่านกรมศุลกากรอย่างง่ายดายมากเพราะวีซ่าเป็นของมูลนิธิ จากนั้นเราก็แบกก็เป๋าบวกสัมภาระอีกมากมายมากกกกหนักมากเพื่อไปขึ้นรถไฟไปลงริงกุ จากนั้นก็ต้องแบกกระเป๋าอันแสนหนักหน่วง เพื่อไปรอรถบัสของศุนย์ มารับ สงสารลุงขับรถมากต้องมาแบกกระเป่าอันแสนหนักของพวกเราทั้งขึ้นและลง พอไปถึงก็ลงชื่อรับเอกสารต่างๆเพื่อขึ้นห้อง ห้องพักที่นี่แสนสบายมากกกกกก มีทุกอย่างให้ครบถ้วน มีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ด้วย อิอิ รวมถึงอ่างอาบน้ำด้วย แต่เสียอย่างเดียวไม่มีที่ฉีดก้นให้ ห้าห้าห้า อาหารการกินก็มีให้เลือกมากมายแต่พวกเราแทบกินกันไม่ได้เพราะไม่อร่อยเลย จืดมากกกกกกกกก คิดถึงอาหารไทยมากที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไว้เจอกันใหม่พุ่งนี้นะค่ะ :)

[การเรียน] ปฐมนิเทศ!!!

การปฐมนิเทศก็จะมีฟังการกฎระเบียบต่างๆจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ แต่ไม่ได้ฟังอย่างเดียวนะทางอาจารย์(先生)และเจ้าหน้าที่ก็จะมีคำถามคอยถามเราเรื่อยๆ วันนี้โดนถามบ่อยมาก ตอนโดนถามก็ตอบไปตามที่เข้าใจถึงจะสั้นแต่ก็ตั้งใจตอบ ฮ่าๆๆๆ ตอนี้อาจารย์จำชื่อหวานได้แล้ว ก็แอบตกใจว่าจำได้ด้วย!!! วันนี้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเรียนว่ามีคลาสอะไรบาง เรียนอะไรยังไง ต้องเอาอุปกรณ์อะไรมาบ้าง ทุกคนที่นี่พูดภาษาญี่ปุ่นค่ะเรื่องข้อมูลก็เป็นภาษาญี่ปุ่น มีให้เซ็นเอกสารต่างๆ พาชมสถานที่ และที่สำคัญคือมีสอบค่ะ เพื่อนๆ มีสอบฟังบทสทนาจากเทปและให้เลือกรูปภาพ สอบเขียนตามคำบอก คำช่วย คันจิ เปลี่ยนรูปคำต่างๆในแต่ละประโยคอยากบอกว่ายากมาก!! เรียกว่าทำไม่ได้เลยดีกว่า หลังจากนั้นก็มีเกมส์ไอซ์เบรก(ละลายพฤติกรรม) ก็โดนให้เล่นคนแรก สนุกมากๆ วันนี้ทำอะไรเปิ่นๆไว้เยอะจนคนอื่นขำเรามากๆ แต่ตอนนี้ก็สนุกมากเพราะรู้จักเพื่อนทั้งชั้นแล้ว ฮ่าๆๆๆ หลังจากไอซ์เบรกก็มีการแบ่งกลุ่มไปทำพรีเซ้นวันเสาร์ แบ่งเป็น6กลุ่ม あ、い、う、え、お、か หวานอยู่กลุ่มkaเป็นกลุ่มที่มีสมาชิกน้อยที่สุดมี4คนมีสมาชิกจากเยอรมัน ออสเตเลีย(ลูกครึ่งเกาหลี) และจากไต้หวั่น ทุกคนใจดีมากหวานพูดไม่ค่อยได้แต่ก็พยายามเข้าใจ หน้าที่ของหวานตอนนี้คือหาสถานที่ท่องเที่ยวกับเตรียมแผนที่และหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ ดีใจที่ได้เจอทุกคน เพื่อนชั้น16 น่ารักทุกคนเลยค่ะ みんなさん おやすみなさい。

การพบเพื่อนครั้งแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มเข้าเรียนและได้เจอกับเพื่อนๆทุกคน รู้สึกตื่นเต้นมากๆเลย ตอนเช้าก็ประชุมแนะนำตัวเอง ชื่อเพื่อนๆเรียกยากมากจำแทบไม่ได้เลยอ่าาาาา เพื่อนทุกคนให้เป็นกันเองมากแต่วันนี้ฟังไม่รู้เรื่องเลยยากมาก งงไปหมดเลยเครียดดดดดมาก ทุกอย่างมันดูยากไปหมด หยกกับหวานอยู่ชั้น สิบหก นุ่นอยู่ชั้นสิบห้า แต่ตอนนี้พวกเราก็ได้ตีซี้กับเพื่อนชั้นสิบหกหมดแล้ว รู้จักสนิทสนมกันดีมาก เป็นเพื่อนชาวไต้หวัน จีน และอินโดนีเซีย ทุกอย่างดูว่าจะเป็นไปได้ด้วยดีในเรื่องเพื่อน แต่เรื่องภาษายังคงต้องฝึกฝนอีกเยอะมากเพราะรู้สึกว่าที่นี่มันไม่เหมือนเรียนที่ไทยเลย พูดง่ายๆว่าฟังไม่ออกเลยดีกว่า T-T มีละลายพฤติกรรมให้เล่นเกมส์ ก็เด๋อๆด๋าๆเล่นไป 5555 คิดถึงเมืองไทยจังเยยยยยย